Category Archives: บทเรียนวันสะบาโต

คำอธิษฐาน :: ขอการทวีคูณ

 

คำอธิษฐาน :: ขอการทวีคูณ

 

 

 

 

กจ.13:14-41 {แบบอย่างการประกาศข่าวประเสริฐ}

13:14 แต่พวกนั้นเดินทางต่อไปจากเมืองเปอร์กาถึงเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย แล้วได้เข้าไปนั่งลงในธรรมศาลาในวันสะบาโต
13:15 เมื่ออ่านพระราชบัญญัติกับคำของศาสดาพยากรณ์แล้ว บรรดานายธรรมศาลาจึงใช้คนไปบอกเปาโลกับบารนาบัสว่า “ท่านพี่น้องทั้งหลาย ถ้าท่านมีคำกล่าวเตือนสติแก่คนทั้งปวงก็เชิญกล่าวเถิด”
13:16 ฝ่ายเปาโลจึงยืนขึ้นโบกมือแล้วกล่าวว่า “ท่านที่เป็นชนชาติอิสราเอลและท่านทั้งหลายที่เกรงกลัวพระเจ้า จงฟังเถิด
Continue reading กจ.13:14-41 {แบบอย่างการประกาศข่าวประเสริฐ}

กจ.13:1-13 {พระวิญญาณบริสุทธิ์เจิมแต่งตั้ง}

13:1 คราวนั้นในคริสตจักรที่อยู่ในเมืองอันทิโอก มีบางคนที่เป็นผู้พยากรณ์และอาจารย์ มีบารนาบัส สิเมโอนที่เรียกว่านิเกอร์ กับลูสิอัสชาวเมืองไซรีน มานาเอน ผู้ได้รับการเลี้ยงดูเติบโตขึ้นด้วยกันกับเฮโรดเจ้าเมือง และเซาโล
13:2 เมื่อคนเหล่านั้นกำลังรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า และถืออดอาหารอยู่ พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสสั่งว่า “จงตั้งบารนาบัสกับเซาโลไว้สำหรับการซึ่งเราเรียกให้เขาทำนั้น”
13:3 เมื่อถืออดอาหารและอธิษฐาน และวางมือบนบารนาบัสกับเซาโลแล้ว เขาก็ใช้ท่านไป
13:4 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งสองที่ได้รับใช้จากพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงลงไปเมืองเซลูเคีย และได้แล่นเรือจากที่นั่นไปยังเกาะไซปรัส
Continue reading กจ.13:1-13 {พระวิญญาณบริสุทธิ์เจิมแต่งตั้ง}

กจ.12:1-19 {พลังการอธิษฐานเพื่อผู้อื่น}

 

12:1 แล้วคราวนั้นกษัตริย์เฮโรดได้เหยียดพระหัตถ์ออกทำร้ายบางคนในคริสตจักร
12:2 ท่านได้ฆ่ายากอบพี่ชายของยอห์นด้วยดาบ
12:3 เมื่อท่านเห็นว่าการนั้นเป็นที่ชอบใจพวกยิว ท่านก็จับเปโตรด้วย (นี่เป็นระหว่างเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ)
12:4 และเมื่อท่านจับเปโตรแล้ว ท่านจึงให้จำคุกเขาไว้ และมอบเขาไว้กับทหารสี่หมู่ ๆ ละสี่คนให้คุมเขาไว้ ตั้งใจว่าเมื่อสิ้นเทศกาลอีสเตอร์แล้วจะพาเขาออกมาให้แก่คนทั้งหลาย
12:5 เพราะฉะนั้นเปโตรจึงถูกจำไว้ในคุก แต่ว่าคริสตจักรได้อธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อเปโตรโดยไม่หยุด
12:6 ในคืนวันนั้นเอง ครั้นเฮโรดจะพาเปโตรออกมา เปโตรนอนหลับอยู่ระหว่างทหารสองคน มีโซ่สองเส้นล่ามไว้ และคนยามเฝ้าอยู่หน้าประตูคุก
Continue reading กจ.12:1-19 {พลังการอธิษฐานเพื่อผู้อื่น}

กจ.11:1-30{การเป็นพยานต่อผู้เชื่อด้วยกัน}

 

11:1 ฝ่ายพวกอัครสาวกกับพี่น้องทั้งหลายที่อยู่ในแคว้นยูเดียได้ยินว่า คนต่างชาติได้รับพระวจนะของพระเจ้าเหมือนกัน
11:2 เมื่อเปโตรขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มแล้ว พวกที่เข้าสุหนัตจึงต่อว่าท่าน
11:3 ว่า “ท่านไปหาคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต และรับประทานอาหารกับเขา”
11:4 แต่เปโตรได้อธิบายให้เขาฟังตั้งแต่ต้นเป็นลำดับมาว่า
11:5 “เมื่อข้าพเจ้าอยู่ในเมืองยัฟฟาและกำลังอธิษฐานก็เข้าสู่ภวังค์แล้วนิมิตเห็นภาชนะอย่างหนึ่งเหมือนผ้าผืนใหญ่หย่อนลงมาทั้งสี่มุมจากฟ้าสวรรค์ และมายังข้าพเจ้า
11:6 ครั้นข้าพเจ้าเขม้นดูผ้านั้นข้าพเจ้าได้พินิจพิจารณาก็ได้เห็นสัตว์สี่เท้าของแผ่นดิน กับสัตว์ป่าสัตว์เลื้อยคลาน และนกที่อยู่ในท้องฟ้า
11:7 แล้วข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เปโตรเอ๋ย จงลุกขึ้น ฆ่ากินเถิด’
11:8 แต่ข้าพเจ้าทูลว่า ‘หามิได้ พระองค์เจ้าข้า เพราะว่าสิ่งของซึ่งต้องห้ามหรือซึ่งเป็นมลทินยังไม่ได้เข้าปากข้าพระองค์เลย’
11:9 แต่มีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าครั้งที่สองว่า ‘ซึ่งพระเจ้าได้ทรงชำระแล้ว เจ้าอย่าว่าเป็นของต้องห้าม’
11:10 เป็นอย่างนั้นถึงสามครั้ง แล้วสิ่งนั้นทั้งสิ้นก็ถูกรับขึ้นไปบนฟ้าอีก
11:11 ดูเถิด ในทันใดนั้นมีชายสามคนมายืนอยู่ตรงหน้าบ้านที่ข้าพเจ้าอยู่ รับใช้มาจากเมืองซีซารียามาหาข้าพเจ้า
11:12 พระวิญญาณจึงสั่งให้ข้าพเจ้าไปกับเขาโดยไม่ลังเลใจเลยและพวกพี่น้องทั้งหกคนนี้ได้ไปกับข้าพเจ้าด้วยเราทั้งหลายจึงเข้าไปในบ้านของผู้นั้น
11:13 ผู้นั้นจึงกล่าวแก่พวกเราว่าตัวท่านได้เห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งยืนอยู่ในบ้านของท่าน และบอกท่านว่า ‘จงใช้คนไปยังเมืองยัฟฟา เชิญซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมา
11:14 เปโตรนั้นจะกล่าวให้ท่านฟังเป็นถ้อยคำซึ่งจะให้ท่านกับทั้งครอบครัวของท่านรอด’
11:15 เมื่อข้าพเจ้าตั้งต้นกล่าวข้อความนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จมาสถิตกับเขาทั้งหลาย เหมือนได้เสด็จลงมาบนพวกเราในตอนต้นนั้น
11:16 แล้วข้าพเจ้าได้ระลึกถึงคำตรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพระองค์ตรัสไว้ว่า ‘ยอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำก็จริง แต่ท่านทั้งหลายจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’
11:17 เหตุฉะนั้นถ้าพระเจ้าได้ทรงโปรดประทานของประทานแก่เขาเหมือนแก่เราทั้งหลายผู้ที่ได้เชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้าข้าพเจ้าเป็นผู้ใดเล่าที่จะขัดขืนพระเจ้าได้”
11:18 ครั้นคนทั้งหลายได้ยินคำเหล่านั้นก็นิ่งอยู่ แล้วได้สรรเสริญพระเจ้าว่า “พระเจ้าได้ทรงโปรดแก่คนต่างชาติให้กลับใจใหม่จนได้ชีวิตรอดด้วย”
11:19 ฝ่ายคนทั้งหลายที่กระจัดกระจายไปเพราะการเคี่ยวเข็ญเนื่องจากสเทเฟนก็พากันไปยังเมืองฟีนิเซีย เกาะไซปรัส และเมืองอันทิโอกและไม่ได้กล่าวพระวจนะแก่ผู้ใดนอกจากแก่ยิวพวกเดียว
11:20 และมีบางคนในพวกเขาเป็นชาวเกาะไซปรัสกับชาวไซรีน เมื่อมายังเมืองอันทิโอกก็ได้กล่าวประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูเจ้าแก่พวกกรีกด้วย
11:21 และพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับเขา คนเป็นอันมากได้เชื่อและกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า
11:22 ข่าวนี้ก็เล่าลือไปยังคริสตจักรในกรุงเยรูซาเล็ม เขาจึงใช้บารนาบัสให้ไปยังเมืองอันทิโอก
11:23 เมื่อบารนาบัสมาถึงแล้ว และได้เห็นพระคุณของพระเจ้าก็ปีติยินดีจึงได้เตือนคนเหล่านั้นให้ตั้งมั่นคงติดสนิทอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้า
11:24 บารนาบัสเป็นคนดี ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อ จำนวนคนเป็นอันมากก็เพิ่มเข้ากับองค์พระผู้เป็นเจ้า
11:25 บารนาบัสได้ไปที่เมืองทาร์ซัสเพื่อตามหาเซาโล
11:26 เมื่อพบแล้วจึงพาเขามายังเมืองอันทิโอกต่อมาท่านทั้งสองได้ประชุมกันกับคริสตจักรตลอดปีหนึ่งได้สั่งสอนคนเป็นอันมากและในเมืองอันทิโอกนั่นเองพวกสาวกได้ชื่อว่าคริสเตียนเป็นครั้งแรก
11:27 คราวนี้มีพวกศาสดาพยากรณ์ลงมาจากกรุงเยรูซาเล็มจะไปยังเมืองอันทิโอก
11:28 ฝ่ายผู้หนึ่งในจำนวนนั้นชื่ออากาบัสได้ลุกขึ้นกล่าวโดยพระวิญญาณว่าจะบังเกิดการกันดารอาหารมากยิ่งทั่วแผ่นดินโลก การกันดารอาหารนั้นได้บังเกิดขึ้นในรัชสมัยคลาวดิอัส ซีซาร์
11:29 พวกสาวกทุกคนจึงตกลงใจกันว่า จะถวายตามกำลังฝากไปช่วยบรรเทาทุกข์พวกพี่น้องที่อยู่ในแคว้นยูเดีย
11:30 เขาจึงได้ทำดังนั้น และฝากไปกับบารนาบัสและเซาโลเพื่อนำไปให้พวกผู้ปกครอง

 

กจ.11:1-30{การเป็นพยานต่อผู้เชื่อด้วยกัน}

 

(ข้อ 1-4) เปโตรเป็นพยานถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงสำแดงและใช้เขา เพื่อคนต่างชาติ  … เนื่องจากในยุคนั้นการประกาศกับคนต่างชาติเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้น อีกทั้งการแยกออกของชนชาติของพระเจ้า (ยิว) เป็นเรื่องที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างเด่นชัด จึงเป็นปกติที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่การเปิดใจออกของผู้เชื่อ ทำให้พวกเขาได้เข้าใจและเห็นสิ่งที่พระเจ้าทรงทำ ทั้งนี้เมื่อเขาเข้าใจแล้วจึงต่างสรรเสริญพระนามพระเจ้า (18)

 

(ข้อ 16-18) การเป็นพยานมี 2 แบบ คือ
1.    เป็นพยานต่อผู้ไม่เชื่อ >> เพื่อประกาศพระนามของพระเจ้าไปยังผู้ที่ไม่เชื่อ เป็นการนำความรอดไปถึงผู้ที่ยังไม่เชื่อพระเจ้า

2.    เป็นพยานต่อผู้เชื่อด้วยกันเอง >> เพื่อหนุนจิตชูใจซึ่งกันและกัน อีกทั้งเป็นการเพิ่มความรู้ความเข้าใจแก่ผู้เชื่อด้วยกันเอง ในการก้าวไปกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ …  เนื่องจากความเติบโตของแต่ละคนไม่เท่ากัน ประสบการณ์ของแต่ละคน แต่ละเวลาต่างกัน การเป็นพยานถึงสิ่งที่พระเจ้าทำ ส่งผลให้เกิดการหนุนจิตชูใจซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังสามารถเสริมสร้างให้ความเชื่อของผู้อื่นได้เติบโตเข้มแข็งไปด้วย

*** ซึ่งการเป็นพยานประเภทนี้ เป็นการตรวจสอบกันและกันได้ด้วย ดังเช่นเปโตรเป็นพยานถึงสิ่งที่พระเจ้าทำและสำแดงแก่เขา ทำให้ผู้เชื่อเกิดความเข้าใจ (เคียร์ความไม่เข้าใจ , เปิดโลกและมุมมองใหม่ๆ ในสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำ… ทุกคนต่างปรารถนาจะเดินในมรรคาของพระเจ้าทั้งสิ้น เพียงแต่มีความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์บางด้านที่ไม่เท่ากันเท่านั้นเอง) … นอกจากพวกเขาจะเติบโตในด้านความรู้ความเข้าใจ ในสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังเคลื่อนแล้ว การที่เปโตรอธิบายและเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ เพราะเปโตรถ่อมลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและต่อหน้ามนุษย์ด้วยกันเอง ยินดีแบ่งปันสิ่งที่พระเจ้าทำออกไปด้วยน้ำใสใจจริง
*** คริสเตียนจำเป็นต้องเป็นพยานทั้ง 2 แบบ

 

(ข้อ 19-30)  เป็นภาพที่แสดงถึง การบริหารจัดการของคริสตจักรในสมัยแรก มีการประสานงานช่วยเหลือกัน โดยไม่แบ่งแยกกลุ่ม หรือ เชื้อสาย แต่เน้นให้เกิดการเสริมสร้างกันและกันในคริสตจักร โดยการจัดสรรผู้ที่มีความเติบโตและเข้มแข็งกว่าในความเชื่อเวียนกันไปดูแล เสริมสร้าง ให้กับคริสตจักรและผู้เชื่อใหม่ๆ ตามของประทาน ทำให้การเติบโตของผู้เชื่อเป็นไปได้อย่างสอดคล้องกับการหลั่งไหลเข้ามาของผู้เชื่อใหม่

 

ananias-sapphira-3

161114

 

 

กจ.10:44-48 {คนต่างชาติได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์}

 

10:44 เมื่อเปโตรยังกล่าวคำเหล่านั้นอยู่ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาสถิตกับคนทั้งปวงที่ฟังพระวจนะนั้น
10:45 ฝ่ายพวกที่ได้เข้าสุหนัตซึ่งเชื่อถือแล้ว คือคนที่มาด้วยกันกับเปโตรก็ประหลาดใจ เพราะว่าของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ลงมาบนคนต่างชาติด้วย
10:46 เพราะเขาได้ยินคนเหล่านั้นพูดภาษาต่าง ๆ และยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เปโตรจึงย้อนถามว่า
10:47 “ใครอาจจะห้ามคนเหล่านี้ที่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนเรา โดยมิให้เขารับบัพติศมาด้วยน้ำได้”
10:48 เปโตรจึงสั่งให้เขารับบัพติศมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเขาทั้งหลายได้ขอให้เปโตรยับยั้งอยู่กับเขาอีกสองสามวัน

 

กจ.10:44-48 {คนต่างชาติได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์}

1.    (ข้อ 45) ในขณะที่เปโตรได้รับการสำแดง แม้คนอื่น (ผู้ติดตาม , พวกที่เข้าสุหนัตแล้ว , …) ไม่ได้รับ แต่เขาก็สามารถเห็นในสิ่งที่พระเจ้าทำได้เช่นกัน รูปแบบการเปิดเผยของพระเจ้าที่มาถึงเราแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่เป้าหมายเดียวกัน และต่างสำแดงความเป็นพระเจ้าเช่นเดียวกัน… ดังนั้นความรับผิดชอบที่จะตอบสนองจึงตกแก่เราแต่ละคน ตามรูปแบบที่พระเจ้าให้กับเรา

 

2.    (ข้อ 46-47) เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสวมทับผู้ใด ผู้นั้นก็สามารถมีประสบการณ์และรับฤทธิ์เดชในพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เช่นเดียวกัน ไม่ขึ้นอยู่กับว่า ชนชาติใด เป็นใคร ตำแหน่งอะไร … เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสวมทับ ย่อมมีผลแห่งการสวมทับของพระวิญญาณบริสุทธิ์เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเป็นการทำงานของพระเจ้าเอง ใครจะห้ามได้!!!

 

3.    (ข้อ 45-47) ระมัดระวังที่จะห้ามหรือหยุดการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยการคิดว่าตนเองเป็นคนเหนือชั้นกว่าผู้อื่น , คิดว่าตนเองเท่านั้นที่สมควรได้รับ แต่ผู้อื่นไม่สมควร ,… เพราะแท้จริงแล้วผู้ที่ทำคือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่มีใจแสวงหา อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยพระเมตตาและพระคุณของพระเจ้า

 

imagescfd

261014