ทุกสิ่งทั้งสิ้นล้วนก่อเกิดมาจากพระคุณของพระเจ้า และการนำพาของพระองค์ แต่ละย่างก้าว ที่ทรงสำแดงและมีมาถึง
พระเกียรติทั้งสิ้นจึงเป็นของพระองค์ผู้ทรงสมควรแต่นามเดียว คือ องค์พระเยซูคริสต์เจ้า
พระคริสต์ทรงเป็นที่ปรารถนาแห่งจิตใจและดวงจิต อย่าให้สิ่งต่างๆ บดบังการเข้าหาพระเจ้า แล้วทำให้หลงทิศ คิดว่า ปัญหา และอุปสรรค คือ พระคริสต์
เพราะเมื่อทุ่มเทดวงใจไปที่ใด ย่อมยินดีทุ่มเททั้งสิ้นที่มีอยู่เพื่อสิ่งนั้น… และการทุ่มเทที่จะไม่ไร้ผล คือ การทุ่มเทลงที่พระองค์ผู้ทรงตอบแทนเรา
ลูกา 7:23 23 “ใครไม่มีเหตุสะดุดในตัวเรา คนนั้นก็เป็นสุข”
เพราะพระคุณพระเจ้าที่หลั่งไหลเพื่อคนบาปนั้นมากมายเกินบรรยาย จึงได้แต่นั่งลงที่แทบพระบาท แล้ว จุบแทบพระบาท เพื่อเทออกถึงดวงใจที่ปรารถนาองค์พระผู้เป็นเจ้า
หลายครั้งเมื่อไม่มีคำบรรยายใดๆ แต่หัวใจกลับเต็มล้นไปด้วยพระคุณ และ ความรักของพระคริสต์ จึงทำให้สิ่งที่ทำนั้น เพื่อแสดงถึงพระองค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วย รัก เมตตา และพระคุณ
ลูกา 7:36-50
36 มีคนหนึ่งในพวกฟาริสีเชิญพระองค์ไปรับประทานอาหารกับเขา พระองค์ก็เสด็จเข้าไปในบ้านของฟาริสีคนนั้น แล้วเอนพระกายที่โต๊ะอาหาร
37 นี่แน่ะ มีหญิงคนหนึ่งในเมืองนั้นซึ่งเป็นคนบาป เมื่อรู้ว่าพระองค์กำลังเสวยอาหารอยู่ในบ้านของฟาริสีคนนั้น นางจึงนำผอบน้ำมันหอมมา
38 ยืนอยู่ข้างหลังใกล้พระบาทของพระองค์ แล้วร้องไห้น้ำตานองเปียกพระบาท นางจึงใช้ผมเช็ด จูบพระบาทของพระองค์แล้วเอาน้ำมันชโลม
39 ฟาริสีคนที่เชิญพระองค์มาเมื่อเห็นแล้วก็นึกในใจว่า “ถ้าท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะ ก็น่าจะรู้ว่าผู้หญิงที่แตะต้องตัวของท่านเป็นใครและเป็นคนอย่างไร เพราะนางเป็นคนบาป”
40 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ซีโมน เรามีอะไรจะบอกท่าน” เขาทูลว่า “ท่านอาจารย์ เชิญพูดไปเถิด”
41 พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าร้อยเดนาริอัน อีกคนหนึ่งเป็นหนี้ห้าสิบ
42 เมื่อเขาไม่สามารถใช้หนี้ได้ ท่านจึงยกหนี้ให้เขาทั้งสองคน ในสองคนนั้น คนไหนจะรักนายมากกว่า?”
43 ซีโมนจึงทูลว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็นคนที่นายยกหนี้ให้มาก” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตัดสินได้ถูกต้อง”
44 พระองค์จึงทรงเหลียวหลังดูหญิงคนนั้น แล้วตรัสกับซีโมนว่า “ท่านเห็นหญิงคนนี้ใช่ไหม? เมื่อเราเข้ามาในบ้านของท่าน ท่านไม่ได้เอาน้ำมาล้างเท้าให้เรา แต่นางเอาน้ำตาล้างเท้าของเรา และเอาผมของนางเช็ด
45 ท่านไม่ได้จูบเรา แต่หญิงคนนี้ไม่ได้หยุดจูบเท้าของเราเลยนับตั้งแต่เราเข้ามา
46 ท่านไม่ได้เอาน้ำมันมาชโลมศีรษะของเรา แต่นางเอาน้ำมันหอมมาชโลมเท้าของเรา
47 เพราะฉะนั้นเราบอกท่านว่าบาปต่างๆ ของนางซึ่งมีมากมายนั้นได้รับการยกโทษแล้วเพราะนางรักมาก แต่คนที่ได้รับการยกโทษน้อยก็รักน้อย”
48 พระองค์จึงตรัสกับนางว่า “บาปของเธอได้รับการยกโทษแล้ว”
49 บรรดาคนที่ร่วมเอนกายที่โต๊ะอาหารด้วยก็พูดกันว่า “คนนี้เป็นใครกันถึงยกโทษบาปได้?”
50 พระองค์จึงตรัสกับหญิงคนนั้นว่า “ความเชื่อของเธอทำให้เธอรอด จงไปเป็นสุขเถิด”
อย่าหลงลืมพระคุณแสนหวานของพระเจ้าที่มีมาถึงในวันวาน เพื่อวันนี้จะนับพระพร และเพื่อพรุ่งนี้ความหวังใจจะทวีคูณผลแห่งความสัจจริงของพระเจ้าในชีวิต
เดินในพระคุณ ดื่มด่ำ และ ลงลึกในพระคุณ และพระคุณจะปกคลุมวิถีชีวิตให้สง่างามอย่างปลอดภัย
สดุดี 118:21-29
21 ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ เพราะพระองค์ทรงตอบข้าพระองค์
และทรงเป็นความรอดของข้าพระองค์
22 ศิลาซึ่งช่างก่อได้ทอดทิ้งเสีย
ได้เป็นศิลามุมเอกแล้ว
23 การนี้เป็นมาจากพระยาห์เวห์
เป็นสิ่งอัศจรรย์ในสายตาเรา
24 วันนี้เป็นวันที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสร้าง
ให้เราเปรมปรีดิ์และยินดีในวันนั้น
25 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอดเถิด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอประทานความสำเร็จแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด
26 ขอท่านผู้เข้ามาในพระนามของพระยาห์เวห์ จงได้รับพระพร
เราอวยพรพวกท่านจากพระนิเวศของพระยาห์เวห์
27 พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า
และพระองค์ประทานความสว่างแก่เรา
จงเริ่มเทศกาลเลี้ยงด้วยกิ่งไม้
ไปถึงเชิงงอนของแท่นบูชา
28 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์
29 จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ประเสริฐ
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
เราได้เห็น ได้มีประสบการณ์ ได้รับมาแล้วอย่างไร ก็จะได้รับอีกเช่นนั้นต่อๆ ไป เพราะพระลักษณะแห่งความซื่อสัตย์ และ ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่มีต่อผู้ที่รักพระองค์ และ ติดตามอย่างสุดใจ
เรียนรู้ที่จะวางใจ และรับรู้พระองค์ในทุกทาง
สดุดี 37:25
ข้าพเจ้าเคยหนุ่ม และเดี๋ยวนี้แก่แล้ว
แต่ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นคนชอบธรรมถูกทอดทิ้ง
หรือเห็นพงศ์พันธุ์ของเขาขอทาน
มัทธิว 6:25-34
25“เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่าจะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่าจะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารไม่ใช่หรือ? และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มไม่ใช่หรือ?
26จงดูนกทั้งหลายบนฟ้า พวกมันไม่ได้หว่าน ไม่ได้เกี่ยว ไม่ได้รวบรวมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของพวกท่าน ผู้สถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงพวกมันไว้ ท่านไม่ประเสริฐกว่าพวกมันหรือ?
27มีใครในพวกท่านที่โดยความกระวนกระวาย สามารถต่ออายุของตนให้ยืนนานขึ้นอีกนิดหนึ่งได้
28ท่านกระวนกระวายถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม? จงพิจารณาดูว่าดอกไม้ในทุ่งนานั้นเติบโตขึ้นอย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย
29แต่เราบอกพวกท่านว่า แม้แต่กษัตริย์ซาโลมอนเมื่อทรงบริบูรณ์ด้วยศักดิ์ศรีก็ไม่ได้แต่งพระองค์งามเท่าดอกไม้เหล่านี้สักดอกหนึ่ง
30และถ้าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ พวกมีความเชื่อน้อย พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ?
31เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายและกล่าวว่าจะเอาอะไรกิน? หรือจะเอาอะไรดื่ม? หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม?
32เพราะว่าบรรดาคนต่างชาติแสวงหาสิ่งทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของพวกท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการสิ่งทั้งปวงนี้
33แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้
34“เพราะฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกระวนกระวายของมันเอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว