กจ.4:1-23 {การต่อต้านการงานของพระเจ้าโดยคนของพระเจ้าที่ไม่ยอมตอบสนอง}

 

4:1 ขณะที่เปโตรกับยอห์นยังกล่าวแก่คนทั้งปวงอยู่ ปุโรหิตทั้งหลายกับนายทหารรักษาพระวิหารและพวกสะดูสีมาหาท่านทั้งสอง
4:2 ด้วยเขาเป็นทุกข์ร้อนใจ เพราะท่านทั้งสองได้สั่งสอน และประกาศแก่คนทั้งหลายถึงเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย โดยทางพระเยซู
4:3 เขาจึงจับท่านทั้งสองจำไว้ในคุกจนวันรุ่งขึ้น เพราะว่าเย็นแล้ว
4:4 แต่คนเป็นอันมากที่ได้ฟังคำสอนนั้นก็เชื่อ ซึ่งนับแต่ผู้ชายได้ประมาณห้าพันคน
4:5 ต่อมาครั้นรุ่งขึ้นพวกผู้ครอบครองกับพวกผู้ใหญ่และพวกธรรมาจารย์
4:6 ทั้งอันนาสมหาปุโรหิต และคายาฟาส ยอห์น อเล็กซานเดอร์ กับคนอื่น ๆ ที่เป็นญาติของมหาปุโรหิตนั้นด้วย ได้ประชุมกันในกรุงเยรูซาเล็ม
4:7 เมื่อเขาให้เปโตรและยอห์นยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาแล้วจึงถามว่า “ท่านทั้งสองได้ทำการนี้โดยฤทธิ์อำนาจหรือในนามของผู้ใด”
4:8 ขณะนั้นเปโตรประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์กล่าวแก่เขาว่า “ท่านผู้ครอบครองพลเมืองและพวกผู้ใหญ่ทั้งหลายของอิสราเอล
4:9 ถ้าท่านทั้งหลายจะถามพวกเราในวันนี้ถึงการดีซึ่งได้ทำแก่คนป่วยนี้ว่า เขาหายเป็นปกติด้วยเหตุอันใดแล้ว
4:10 ก็ให้ท่านทั้งหลายกับบรรดาชนอิสราเอลทราบเถิดว่า โดยพระนามของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้ที่กางเขน และซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดให้คืนพระชนม์ โดยพระองค์นั้นแหละชายคนนี้ได้หายโรคเป็นปกติแล้วจึงยืนอยู่ต่อหน้าท่าน
4:11 พระองค์เป็น ‘ศิลา’ ที่ท่านทั้งหลายผู้เป็น ‘ช่างก่อได้ปฏิเสธเสีย ได้กลับกลายเป็นศิลามุมเอกแล้ว’
4:12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า”
4:13 เมื่อเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น และรู้ว่าท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนมีความรู้น้อยก็ประหลาดใจ แล้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู
4:14 เมื่อเขาเห็นคนนั้นที่หายโรคยืนอยู่กับเปโตรและยอห์น เขาก็ไม่มีข้อคัดค้านที่จะพูดขึ้นได้
4:15 แต่เมื่อเขาสั่งให้เปโตรและยอห์นออกไปจากที่ประชุมสภาแล้ว เขาจึงปรึกษากัน
4:16 ว่า “เราจะทำอย่างไรกับคนทั้งสองนี้ เพราะการที่เขาได้กระทำการอัศจรรย์อันเด่นชัด ก็ได้ปรากฏแก่คนทั้งปวงที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มแล้ว และเราปฏิเสธไม่ได้
4:17 แต่ให้เราขู่เขาอย่างแข็งแรงห้ามไม่ให้พูดอ้างชื่อนั้นกับผู้หนึ่งผู้ใดเลย เพื่อเรื่องนี้จะไม่ได้เลื่องลือแพร่หลายไปในหมู่คนทั้งปวง”
4:18 เขาจึงเรียกเปโตรและยอห์นมา แล้วห้ามปรามเด็ดขาดไม่ให้พูดหรือสอนออกพระนามของพระเยซูอีกเลย
4:19 ฝ่ายเปโตรและยอห์นตอบเขาว่า “การที่จะฟังท่านมากกว่าฟังพระเจ้าจะเป็นการถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า หรือ ขอท่านทั้งหลายพิจารณาดูเถิด
4:20 ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่พูดตามที่เห็นและได้ยินนั้นก็ไม่ได้”
4:21 เมื่อเขาขู่สำทับท่านทั้งสองนั้นอีกแล้วก็ปล่อยไป ไม่เห็นมีเหตุที่จะทำโทษท่านอย่างไรได้เพราะกลัวคนเหล่านั้น เหตุว่าคนทั้งหลายได้สรรเสริญพระเจ้าเนื่องด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น
4:22 ด้วยว่าคนที่หายโรคโดยการอัศจรรย์นั้น มีอายุกว่าสี่สิบปีแล้ว
4:23 เมื่อเขาปล่อยท่านทั้งสองแล้ว ท่านจึงไปหาพวกของท่าน เล่าเรื่องทั้งสิ้นที่พวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้ใหญ่ได้ว่าแก่ท่าน

 

การต่อต้านการงานของพระเจ้าโดยคนของพระเจ้าที่ไม่ยอมตอบสนอง

 

  • (1-9) เปโตรและยอห์นถูกจับกุมโดยฟาริสี สะดูดี และมหาปุโรหิต ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้เห็นหมายสำคัญที่เปโตรและยอห์นทำกับตา และไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามีการอัศจรรย์ การรักษาโรค เกิดขึ้นจริง , ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าพระเจ้าทำงานผ่านเปโตรและยอห์นจริงๆ … แม้มีการสอบสวนมากมาย แต่เปโตรและยอห์นยังคงยืนยันชัดเจนว่า เขาทำการนั้นๆ โดยนามพระเยซู เขากล้าประกาศว่า “นี่เป็นสิ่งที่มาจากพระเจ้า”

 

  • (10-12) พระเยซูเป็นศิลามุมเอก เป็นนามเดียวที่พาสู่ความรอด แต่พวกฟาริสี สะดูดีกลับละทิ้งพระองค์ ไม่เห็นคุณค่า สุดท้ายแล้วเมื่อมีผู้คนเห็นคุณค่าพระเยซูและได้รับสิ่งล้ำค่านั้น พวกฟาริสีก็คิดจะขัดขวางด้วยความไม่เห็นคุณค่าของเขาเอง

 

  •  (13) เปโตรและยอห์น ไร้ซึ่งการศึกษาแต่สามารถทำอัศจรรย์ของพระเจ้าได้ นั่นเป็นบทพิสูจน์อยู่แล้วว่า… พระเจ้าไม่ได้เลือกคนที่ความสามารถ การศึกษา หรือยศศักดิ์ใดๆ เลย จึงไม่แปลกที่พระเจ้าจะทำงานของพระองค์ผ่านคนเล็กน้อยได้  เพียงแค่เขาดำเนินชีวิตอยู่ในพระเยซูอย่างกล้าหาญเท่านั้นเป็นพอ

 

  •  (14-18) ฟาริสีและสะดูดีเห็นการอัศจรรย์กับตา  แทนที่จะชื่นชมยินดีในงานพระเจ้า แต่พวกเขากลับมานั่งคิดหาวิธีว่าจะจัดการเปโตรกับยอห์น ผู้ที่ตอบสนองพระเจ้าอย่างไรดี ที่จะไม่ให้เขาทำแบบนี้อีก ไม่ให้ประกาศนามพระเจ้าอีก ไม่ให้ตอบสนองพระเจ้าอีก

 

  •  (19-20) แต่เปโตรและยอห์นก็ยังคงยืนยันว่า จะเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่าเชื่อฟังคนเหล่านี้

 

  • (21-22) ฟาริสีและสะดูดีต้องยอมปล่อยเปโตรและยอห์นไป เพราะว่าไม่มีเหตุใดเอาผิดเขา (นอกจากความอิจฉาริษยาของตนเอง) แท้จริงไม่มีผู้ใดเอาผิดผู้ที่ตอบสนองพระเจ้าได้***



ข้อคิดที่ได้รับ

 

1.    ในสถานการณ์ การอัศจรรย์ที่พระเจ้าทำ ผู้คนต่างสรรเสริญเยินยอพระเจ้าและมีความชื่นชมยินดี แต่ผู้มีอำนาจกลับพยายามคิดจัดการไม่ให้คนที่พระเจ้าใช้ได้ทำการณ์ของพระเจ้าต่อไปได้ เพราะความอิจฉาริษยาตามอย่างของโลก

 

2.    พระคัมภีร์ระบุชัดเจน ให้เป็นพยานถึงพระเยซู สาวกรุ่นแรกประกาศนามพระเยซูชัดเจน ไม่มีการหลบซ่อน หลบเลี่ยง แต่ฟาริสีเท่านั้นที่สั่ง ห้ามพูด ห้ามประกาศนามพระเยซู แม้จะเห็นว่าอัศจรรย์นั้นมาจากพระเจ้าจริง แม้จะหาผิดในผู้ที่ตอบสนองพระเจ้าไม่ได้ก็ตาม ดังนั้นเมื่อพระเจ้าใช้ให้เราทำสิ่งใดๆ จงตอบสนอง ไม่ใช่หยุด เพราะการหยุดนั้นมีแต่บรรดาฟาริสี สะดูดี เท่านั้นที่ทำ…

***ผู้ใดก็ตามที่ตอบสนองพระเจ้าย่อมเป็นสาวกแท้ แต่ผู้ที่ไม่ก้าวตาม ไม่กล้าก้าว ไม่คิดจะก้าว และแถมยังห้ามบังคับ และ/หรือ ห้ามไม่ให้ผู้อื่นทำ ทั้งที่หาเหตุผิดไม่ได้ด้วยซ้ำ จึงเข้าข่ายเดียวกับฟาริสีและสะดูสี

 

3.    อย่าให้ใครมาหยุดยั้งเราในการตอบสนองการทำงานของพระเจ้าในชีวิตเรา เพราะจำเป็นที่ตัวเราเองจะต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์

 

4.    ที่สุดแล้วก็ไม่มีใครสามารถเอาผิดผู้ที่เดินตามพระเจ้าได้ เพราะเขาเองเห็นสิ่งที่พระเจ้าทำกับตา และรู้อยู่เต็มอกว่าเหตุการณ์นั้น ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทำได้ แม้คนที่ต่อต้านก็ยังต้องอัศจรรย์ใจในสิ่งที่พระเจ้าทำในชีวิตของเราเอง

 

indexๅ

 

240814