Tag Archives: อธิษฐานนมัสการ

คำอธิษฐาน : ขอทรงเคียงข้าง

 

ข้าแต่พระเจ้า…
ไม่ว่าจะที่ลึกหรือที่สูง
ไม่ว่าจะทางกว้างหรือทางแคบ
ไม่ว่าจะที่ๆ คุ้นเคยหรือไม่รู้จัก
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ
.
.
.
ขอเพียงทรงอยู่ด้วยและเคียงข้าง… ***ข้าพระองค์และครัวเรือน พร้อมเสมอในการก้าวตาม***

ข้าแต่พระเจ้า…
ด้วยว่าทรงนำแล้ว…จะทรงรับรอง
ด้วยว่าทรงสัญญาแล้ว…ทุกสิ่งจะเกิดขึ้น
ด้วยว่าทรงอยู่ด้วยแล้ว…ชัยชนะจะเป็นของข้าพระองค์
ด้วยว่าทรงตรัสแล้ว…ไม่ทรงบิดพลิ้ว
ด้วยว่าทรงปลดปล่อยแล้ว…เสรีภาพ สิทธิอำนาจ ชัยชนะเป็นของข้าพระองค์

พระเจ้าผู้ทรงใหญ่ยิ่งสูงสุด…
ขอทรงเคียงใกล้ก็เป็นพอ…
ขอทรงประทับอยู่… ทุกสิ่งเป็นไปได้
ขอทรงปกคลุม… ความปลอดภัยย่อมเกิดขึ้น
ขอทรงอวยพร… แม้ศัตรูก็ไม่อาจพรากไปได้
ขอทรงนำ… หนทางข้างหน้าย่อมชัดเจน

พระเจ้าผู้ทรงเรียกและช้อนรับ
ขอทรงให้ตาได้เห็น… สิ่งทรงทำ
ขอให้หูได้ยิน… เสียงทรงตรัส
ขอให้ใจสัมผัส… รักอันมั่นคง แสนสงบ
ขอให้มือได้ร่วม… ในแผนการณ์อันประเสริฐ
ขอให้เท้าได้เดิน… ในมรรคาของพระองค์
ขอให้ชีวิตได้อยู่… ในเวลาและน้ำพระทัยอันสมบูรณ์ของพระคริสต์
ขอให้จิตวิญญาณนี้… เป็นของพระองค์เพียงผู้เดียว

อธิษฐาน มอบถวาย และ ทูลขอในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน”

10311213_1558125104405970_6030281226780069400_n

171114

09-11-2014 อธิษฐาน นมัสการ วันสะบาโต

 

ดั่งหญิงมีปัญญาที่เตรียมตะเกียงของตนเองอย่างพรักพร้อม เพราะวันนั้นโมงนั้นเราไม่รู้ แต่ผู้ที่พร้อมย่อมไม่พลาด….

 

 

 

คำอธิษฐาน : เตรียมชีวิตให้พรักพร้อม

“ข้าแต่พระเจ้า…ผู้ทรงตั้งต้นการดี ไว้แต่แรกเริ่ม

ขอโปรดสำแดงทางทั้งสิ้นอันชอบธรรมแก่ข้าพระองค์

ขอโปรดทรงสอนให้เท้าก้าวในมรรคาของพระองค์

โอ้…จิตใจเอ๋ย

จงเฝ้ารอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าดั่งหญิงมีปัญญาเถิด

จะมีประโยชน์อะไรเล่า???

หากในมือถือตะเกียงแต่ปราศจากน้ำมัน

โอ้…จิตใจเอ๋ย

จงตื่นขึ้น เฝ้าระวังและรอคอยอย่างใจจดจ่อ

จงลุกขึ้น ตรวจตราน้ำมันให้เต็มเสมอ

ขอพระเจ้าโปรดทรงสอนส่วนที่ยังพร่องอยู่ เพื่อรับการเติมเต็ม

โอ้…จิตใจเอ๋ย

อย่าม้วนิ่งนอนใจกับสิ่งต่างๆ รอบตัว จนหย่อนยาน

ด้วยว่าวันเวลาและโมงนั้นใกล้เข้ามาแล้ว

โอ้…เนื้อหนังของข้าพเจ้าเอ๋ย

จงตื่นตัว เฝ้าระวัง เพื่อต้อนรับการเสด็จมาเยี่ยมเยียนของพระองค์

จงรู้เถิด ว่าพระองค์ทรงเคาะที่ประตู

ด้วยว่าเวลาเหล่านั้นรวดเร็ว เกินไปสำหรับผู้ที่หลับไหล

ข้าแต่พระเจ้า…

ขอโปรดปกป้องข้าพระองค์จากที่ซึ่งล่อลวงให้หลงผิด

ขอทรงนำให้คอยท่าพระองค์อย่างตื่นตัว

ขอเมตตาปกคลุมน้ำมันในตะเกียงชีวิต ไม่เหือดแห้ง

ขอทรงสำแดงว่า… ทรงอยู่ด้วย เพื่อมั่นใจ

ข้าพระองค์จะหมั่นตรวจตรา และเติมน้ำมันไม่ให้พร่อง

ขอทรงรับข้าพระองค์ดั่งหญิงมีปัญญา

ขอปกป้องไม่ให้พลาดดั่งหญิงโง่

ขอทรงเมตตา เตือนสติในวันที่หย่อนยาน

ขอทรงนำกลับมาให้ทันวันเวลา

ขออย่ายอมให้เนื้อหนังกัดกินจนพลาดพลั้ง

ขอทรงให้ข้าพระองค์อยู่ในเวลาของพระองค์

อธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน”

 

10338280_1555826294635851_7715995973584571595_n

101114

 

กจ.10:44-48 {คนต่างชาติได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์}

 

10:44 เมื่อเปโตรยังกล่าวคำเหล่านั้นอยู่ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาสถิตกับคนทั้งปวงที่ฟังพระวจนะนั้น
10:45 ฝ่ายพวกที่ได้เข้าสุหนัตซึ่งเชื่อถือแล้ว คือคนที่มาด้วยกันกับเปโตรก็ประหลาดใจ เพราะว่าของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ลงมาบนคนต่างชาติด้วย
10:46 เพราะเขาได้ยินคนเหล่านั้นพูดภาษาต่าง ๆ และยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เปโตรจึงย้อนถามว่า
10:47 “ใครอาจจะห้ามคนเหล่านี้ที่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนเรา โดยมิให้เขารับบัพติศมาด้วยน้ำได้”
10:48 เปโตรจึงสั่งให้เขารับบัพติศมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเขาทั้งหลายได้ขอให้เปโตรยับยั้งอยู่กับเขาอีกสองสามวัน

 

กจ.10:44-48 {คนต่างชาติได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์}

1.    (ข้อ 45) ในขณะที่เปโตรได้รับการสำแดง แม้คนอื่น (ผู้ติดตาม , พวกที่เข้าสุหนัตแล้ว , …) ไม่ได้รับ แต่เขาก็สามารถเห็นในสิ่งที่พระเจ้าทำได้เช่นกัน รูปแบบการเปิดเผยของพระเจ้าที่มาถึงเราแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่เป้าหมายเดียวกัน และต่างสำแดงความเป็นพระเจ้าเช่นเดียวกัน… ดังนั้นความรับผิดชอบที่จะตอบสนองจึงตกแก่เราแต่ละคน ตามรูปแบบที่พระเจ้าให้กับเรา

 

2.    (ข้อ 46-47) เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสวมทับผู้ใด ผู้นั้นก็สามารถมีประสบการณ์และรับฤทธิ์เดชในพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เช่นเดียวกัน ไม่ขึ้นอยู่กับว่า ชนชาติใด เป็นใคร ตำแหน่งอะไร … เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสวมทับ ย่อมมีผลแห่งการสวมทับของพระวิญญาณบริสุทธิ์เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเป็นการทำงานของพระเจ้าเอง ใครจะห้ามได้!!!

 

3.    (ข้อ 45-47) ระมัดระวังที่จะห้ามหรือหยุดการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยการคิดว่าตนเองเป็นคนเหนือชั้นกว่าผู้อื่น , คิดว่าตนเองเท่านั้นที่สมควรได้รับ แต่ผู้อื่นไม่สมควร ,… เพราะแท้จริงแล้วผู้ที่ทำคือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่มีใจแสวงหา อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยพระเมตตาและพระคุณของพระเจ้า

 

imagescfd

261014

 

 

กจ.10:1-43 {ข่าวประเสริฐมาถึงคนต่างชาติ}

 

10:1 ยังมีชายคนหนึ่งชื่อโครเนลิอัส อาศัยอยู่ในเมืองซีซารียา เป็นนายร้อยอยู่ในกองทหารที่เรียกว่ากองอิตาเลีย
10:2 เป็นคนมีศรัทธามาก คือท่านและทั้งครอบครัวเป็นคนยำเกรงพระเจ้า ท่านเคยให้ทานมากมายแก่ประชาชน และอธิษฐานต่อพระเจ้าเสมอ
10:3 เวลาประมาณบ่ายสามโมงนายร้อยนั้นเห็นนิมิตแจ่มกระจ่าง คือเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้า เข้ามาหาท่านและกล่าวแก่ท่านว่า “โครเนลิอัสเอ๋ย”
10:4 และเมื่อโครเนลิอัสเขม้นดูทูตสวรรค์องค์นั้นด้วยความตกใจกลัว จึงถามว่า “นี่เป็นประการใด พระองค์เจ้าข้า” ทูตสวรรค์จึงตอบท่านว่า “คำอธิษฐานและทานของท่านนั้น ได้ขึ้นไปเป็นที่ระลึกถึงจำเพาะพระพักตร์พระเจ้าแล้ว
10:5 บัดนี้จงใช้คนไปยังเมืองยัฟฟาเชิญซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมา
10:6 เปโตรอาศัยอยู่กับคนหนึ่งชื่อซีโมนเป็นช่างฟอกหนัง บ้านของเขาอยู่ริมฝั่งทะเล เปโตรจะบอกท่านว่าท่านควรจะทำอะไร”
10:7 ครั้นทูตสวรรค์ที่ได้พูดกับโครเนลิอัสไปแล้ว ท่านได้เรียกคนใช้สองคนกับทหารคนหนึ่งซึ่งเป็นคนมีศรัทธามาก ที่เคยปรนนิบัติท่านเสมอ
10:8 และเมื่อโครเนลิอัสได้เล่าเหตุการณ์ทั้งปวงให้คนเหล่านั้นฟังแล้ว ท่านจึงใช้เขาไปยังเมืองยัฟฟา
10:9 วันรุ่งขึ้นคนเหล่านั้นกำลังเดินทางไปใกล้เมืองยัฟฟาแล้ว ประมาณเวลาเที่ยงวันเปโตรก็ขึ้นไปบนหลังคาบ้านเพื่อจะอธิษฐาน
10:10 และเขาหิวมาก และอยากจะรับประทานอาหาร แต่ในระหว่างที่พวกเขายังจัดเตรียมอยู่ เปโตรได้เข้าสู่ภวังค์
10:11 และได้เห็นท้องฟ้าแหวกออกเป็นช่อง มีภาชนะอย่างหนึ่งเหมือนผ้าผืนใหญ่ ผูกติดกันทั้งสี่มุมหย่อนลงมายังพื้นโลก
10:12 ในนั้นมีสัตว์ทุกอย่างที่อยู่บนแผ่นดิน คือสัตว์สี่เท้า สัตว์ป่า สัตว์เลื้อยคลานและนกที่อยู่ในท้องฟ้า
10:13 มีพระสุรเสียงมาว่าแก่ท่านว่า “เปโตรเอ๋ย จงลุกขึ้นฆ่ากินเถิด”
10:14 ฝ่ายเปโตรจึงทูลว่า “มิได้ พระองค์เจ้าข้า เพราะว่าสิ่งซึ่งเป็นของต้องห้ามหรือของมลทินนั้น ข้าพระองค์ไม่เคยได้รับประทานเลย”
10:15 แล้วจึงมีพระสุรเสียงอีกเป็นครั้งที่สองว่าแก่ท่านว่า “ซึ่งพระเจ้าได้ทรงชำระแล้ว อย่าว่าเป็นของต้องห้าม”
10:16 เห็นอย่างนั้นถึงสามครั้ง แล้วสิ่งนั้นก็ถูกรับขึ้นไปอีกในท้องฟ้า
10:17 เมื่อเปโตรยังคิดสงสัยเรื่องนิมิตที่เห็นนั้นว่ามีความหมายอย่างไร ดูเถิด คนที่โครเนลิอัสใช้ไปนั้น เมื่อถามหาและพบบ้านของซีโมนแล้วก็มายืนอยู่หน้าประตูรั้ว
10:18 และร้องถามว่า ซีโมนที่เรียกว่าเปโตรอยู่ที่นั่นหรือไม่
10:19 เมื่อเปโตรตริตรองเรื่องนิมิตนั้น พระวิญญาณก็ตรัสกับท่านว่า “ดูเถิด ชายสามคนตามหาเจ้า
10:20 จงลุกขึ้นลงไปข้างล่างและไปกับเขาเถิด อย่าลังเลใจเลย เพราะว่าเราได้ใช้เขามา”
10:21 เปโตรจึงลงไปหาคนเหล่านั้นซึ่งโครเนลิอัสได้ใช้มากล่าวว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าเป็นคนที่ท่านมาหานั้น ท่านมาธุระอะไร”
10:22 เขาจึงตอบว่า “นายร้อยโครเนลิอัส เป็นคนชอบธรรมและเกรงกลัวพระเจ้า และเป็นคนมีชื่อเสียงดีในบรรดาชาวยิว โครเนลิอัสผู้นั้นได้รับคำเตือนจากพระเจ้าโดยผ่านทูตสวรรค์บริสุทธิ์ ให้มาเชิญท่านไปที่บ้านเพื่อจะฟังถ้อยคำของท่าน”
10:23 เปโตรจึงเชิญเขาให้เข้ามาหยุดพักอยู่ที่นั่น วันรุ่งขึ้นเปโตรก็ไปกับเขาและพวกพี่น้องบางคนที่เมืองยัฟฟาก็ไปด้วย
10:24 ล่วงมาอีกวันหนึ่งเขาก็ไปถึงเมืองซีซารียา โครเนลิอัสกำลังคอยรับรองอยู่ และเชิญญาติพี่น้องกับเพื่อนสนิทให้มาประชุมกันอยู่แล้ว
10:25 ครั้นเปโตรเข้าไป โครเนลิอัสก็ต้อนรับเปโตร และหมอบที่เท้ากราบไหว้ท่าน
10:26 ฝ่ายเปโตรจึงจับตัวโครเนลิอัสให้ลุกขึ้นและกล่าวว่า “จงยืนขึ้นเถิด ข้าพเจ้าก็เป็นแต่มนุษย์เหมือนกัน”
10:27 เมื่อกำลังสนทนากันอยู่ เปโตรจึงเข้าไปแลเห็นคนเป็นอันมากมาพร้อมกัน
10:28 จึงกล่าวแก่คนเหล่านั้นว่า “ท่านทั้งหลายทราบแล้วว่า คนชาติยิวนั้นจะคบให้สนิทกับคนต่างชาติหรือเข้าเยี่ยมก็เป็นที่พระราช บัญญัติห้ามไว้ แต่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า ไม่ควรเรียกคนหนึ่งคนใดว่าเป็นที่ห้ามหรือมลทิน
10:29 เหตุฉะนั้น เมื่อท่านใช้คนไปเรียกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็มาโดยไม่ขัด ข้าพเจ้าจึงขอถามว่าท่านเรียกข้าพเจ้ามาด้วยประสงค์อะไร”
10:30 โครเนลิอัสจึงตอบว่า “สี่วันมาแล้ว ข้าพเจ้ากำลังถืออดอาหารอยู่จนถึงเวลานี้ และประมาณเวลาบ่ายสามโมงข้าพเจ้าได้อธิษฐานอยู่ในบ้านของข้าพเจ้า ดูเถิด มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าสวมเสื้อมันระยับ
10:31 ผู้นั้นได้กล่าวว่า ‘โครเนลิอัสเอ๋ย คำอธิษฐานของท่านนั้นทรงสดับฟังแล้ว และทานของท่านนั้นก็เป็นที่ระลึกถึงในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้ว
10:32 เหตุฉะนั้น จงใช้คนไปยังเมืองยัฟฟา เชิญซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมา ผู้นั้นอาศัยอยู่ในบ้านของซีโมนช่างฟอกหนังที่ฝั่งทะเล ผู้นั้นเมื่อมาถึงแล้วจะกล่าวแก่ท่าน’
10:33 ข้าพเจ้าจึงใช้คนไปเชิญท่านมาทันที ที่ท่านมาก็ดีแล้ว บัดนี้พวกข้าพเจ้าจึงอยู่พร้อมกันต่อพระพักตร์พระเจ้า เพื่อจะฟังสิ่งสารพัดซึ่งพระเจ้าได้ตรัสสั่งท่านไว้”
10:34 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเห็นจริงแล้วว่า พระเจ้าไม่ทรงเลือกหน้าผู้ใด
10:35 แต่คนใด ๆ ในทุกชาติที่เกรงกลัวพระองค์และประพฤติตามทางชอบธรรมก็เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์
10:36 พระดำรัสที่พระเจ้าได้ทรงฝากไว้กับชนชาติอิสราเอล คือการประกาศข่าวดีเรื่องสันติสุขโดยพระเยซูคริสต์ (ผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง)
10:37 ข้าพเจ้ากล่าวว่า พระดำรัสนั้นท่านทั้งหลายก็รู้ คือเรื่องที่ได้เล่ากันตั้งแต่ต้นที่แคว้นกาลิลี ไปจนตลอดทั่วแคว้นยูเดีย ภายหลังการบัพติศมาที่ยอห์นได้ประกาศนั้น
10:38 คือเรื่องพระเยซูชาวนาซาเร็ธว่า พระเจ้าได้ทรงเจิมพระองค์ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยฤทธานุภาพอย่างไร และพระเยซูเสด็จไปกระทำคุณประโยชน์และรักษาบรรดาคนซึ่งถูกพญามารเบียดเบียน ด้วยว่าพระเจ้าได้ทรงสถิตกับพระองค์
10:39 เราทั้งหลายเป็นพยานถึงกิจการทั้งปวง ซึ่งพระองค์ทรงกระทำในแผ่นดินของชนชาติยิวและในกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์นั้นเขาได้ฆ่าและแขวนไว้ที่ต้นไม้
10:40 ในวันที่สามพระเจ้าได้ทรงให้พระองค์คืนพระชนม์และทรงให้ปรากฏ
10:41 มิใช่ทรงให้ปรากฏแก่คนทั่วไป แต่ทรงปรากฏแก่เหล่าพวกพยานซึ่งพระเจ้าได้ทรงเลือกไว้แต่ก่อน คือทรงปรากฏแก่พวกเราที่ได้รับประทานและดื่มกับพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงคืนพระชนม์แล้ว
10:42 พระองค์ทรงสั่งให้เราทั้งหลายประกาศแก่คนทั้งปวง และเป็นพยานว่าพระเจ้าได้ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นผู้พิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย
10:43 ศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายย่อมเป็นพยานถึงพระองค์ว่า ผู้ใดที่เชื่อถือในพระองค์นั้นจะได้รับการทรงยกความผิดบาปของเขา เพราะพระนามของพระองค์”

 

(ข้อ 1-8) โครเนลิอัสเป็นคนต่างชาติที่ยำเกรงพระเจ้าของชาวอิสราเอล ใช้ชีวิตแบบยำเกรงพระเจ้าและสัตย์ซื่อในส่วนของเขาเป็นการส่วนตัวอย่างเคร่งครัด ทำให้พระเจ้าทรงหันมาหาเขา มีการสำแดงชนิดที่ผู้เชื่อหลายๆ คน และส่วนมากยังไม่มีโอกาสได้รับเสียด้วยซ้ำ คือ การเห็นทูตสวรรค์ต่อหน้าต่อตา การที่ทูตสรรค์บอกรายละเอียดอย่างเจาะจงถึงสิ่งที่เขาต้องทำ คือ เชิญเปโตรมา และเป็นการบอกถึงพิกัดที่อยู่ของเปโตรอย่างชัดเจนเพื่อให้สามารถทำตามได้ …

เปรียบเทียบภาพเดียวกับนางรูธที่รักพระเจ้าของแม่สามีและปรารถนาการอวยพรจากพระเจ้า จึงขอติดตามแม่สามี จนกระทั่งพระพรนั้นตกอยู่กับเธอ

 

นรธ.1:16-17
1:16 แต่รูธตอบว่า “ขอแม่อย่าวิงวอนให้ฉันจากแม่หรือเลิกติดตามแม่ไปเลย เพราะแม่จะไปไหนฉันจะไปด้วย และแม่จะอาศัยอยู่ที่ไหนฉันก็จะอยู่ที่นั่นด้วย ญาติของแม่จะเป็นญาติของฉัน และพระเจ้าของแม่ก็จะเป็นพระเจ้าของฉัน
1:17 แม่ตายที่ไหนฉันจะตายที่นั่น และจะขอให้ฝังฉันไว้ที่นั่นด้วย ถ้ามีอะไรมาพรากฉันจากแม่นอกจากความตาย ก็ขอพระเยโฮวาห์ทรงลงโทษฉัน และให้หนักยิ่งกว่า”

 

นรธ.4:12-17
4:12 ขอให้วงศ์วานของท่านเหมือนวงศ์วานของเปเรศซึ่งทามาร์คลอดให้แก่ยูดาห์ เนื่องด้วยเชื้อสายซึ่งพระเยโฮวาห์จะประทานแก่ท่านโดยผู้หญิงคนนี้”
4:13 ดังนั้นโบอาสก็รับรูธมาเป็นภรรยาของท่าน และท่านก็เข้าหานางและพระเยโฮวาห์ประทานให้นางตั้งครรภ์คลอดบุตรชายคนหนึ่ง
4:14 ฝ่ายพวกผู้หญิงก็พูดกับนาโอมีว่า “สาธุการแด่พระเยโฮวาห์ พระองค์มิได้ทรงละทิ้งเจ้าไว้ให้ปราศจากญาติที่ถัดมา ขอให้ทารกนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปในอิสราเอล
4:15 ให้เด็กคนนี้เป็นผู้ชุบชีวิตของเจ้าและเลี้ยงดูเจ้าเมื่อชรา เพราะว่าเด็กคนนี้เกิดมาจากบุตรสะใภ้ที่รักเจ้า ผู้ประเสริฐกว่าบุตรชายเจ็ดคน”
4:16 แล้วนาโอมีก็รับเด็กนั้นมาอุ้มไว้แนบอก และรับเป็นผู้เลี้ยงดูแลเด็กคนนั้น
4:17 หญิงชาวบ้านข้างเคียงก็ให้ชื่อเด็กนั้น พูดกันว่า “มีบุตรชายคนหนึ่งเกิดให้แก่นาโอมี” เขาตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่า โอเบด ผู้เป็นบิดาของเจสซี ซึ่งเป็นบิดาของดาวิด

 

(ข้อ 9-29 ) ในส่วนของเปโตรพระเจ้าทรงสำแดงกับเขาเป็นการส่วนตัวในรูปแบบนิมิต เพื่อเป็นการเตรียมใจและเปิดใจเขาก่อน อันเนื่องจากเปโตรเป็นชาวอิสราเอล ซึ่งมีธรรมเนียมห้ามข้องเกี่ยวกับชาวต่างชาติ (ข้อ 28) …  อีกทั้งสิ่งนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับเปโตรและชนชาติอิสราเอล ไม่เคยมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาก่อน … ในความไม่เข้าใจทั้งหมดถึงนิมิตนั้น แต่เปโตรเลือกที่จะเชื่อฟังพระเจ้า และทุกสิ่งถูกเปิดความเข้าใจ เมื่อเขาได้พบกับโครเนลิอัส เป็นการบรรจบในแผนการณ์ของพระเจ้า

 

(ข้อ 30-33) การที่โครเนลิอัสเล่าถึงสิ่งที่พระเจ้าทำและสำแดงแก่ตนให้เปโตรฟัง เป็นการรับรอง confirm ซึ่งกันและกัน
–    สิ่งที่เปโตรได้รับนิมิตจากพระเจ้า เวลานี้เองที่ทำให้เปโตรเข้าใจทั้งสิ้นถึงนิมิตที่พระเจ้าสำแดงเรื่องอาหารในห่อผ้า (ข้อ 11-16)
–    สิ่งที่พระเจ้าทรงทำกับโครเนลิอัส เพื่อเชิญเปโตรมาที่บ้านของตน

 

(ข้อ 34-43) เป็นคำตอบของการสำแดงของพระเจ้าทั้งต่อโครเนลิอัส และเปโตร …คือ…
–    การให้เปโตรประกาศข่าวประเสริฐกับคนต่างชาติ >> ทำลายกำแพงระหว่างชนชาติ
–    การให้คนต่างชาติรับเชื่อ >> จุดเริ่มต้นยุคใหม่ คือ ข่าวประเสริฐไปถึงคนต่างชาติ

กจ.10:1-43 {ข่าวประเสริฐมาถึงคนต่างชาติ}  

1.    บางครั้ง บางสิ่ง โดยเฉพาะความยำเกรงพระเจ้า การเสาะแสวงหาพระเจ้า ความสัตย์ซื่อ ผู้เชื่อบางคนยังสู้คนที่ไม่เชื่อพระเจ้าแต่มีใจปรารถนาหาพระองค์ไม่ได้เลย … ความเมตตาและความโปรดปรานของพระเจ้ามีมาถึงคนที่สัตย์ซื่อและแสวงหาพระเจ้าเป็นแน่ แม้ว่าจะทำแบบคลำทาง ถูกบ้างผิดบ้าง เมื่อถึงเวลาพระเจ้าจะส่งคน ส่งทูตสวรรค์ ในการนำเขาเข้ามาอยู่ในกระบวนการของพระเจ้าเอง … นั่นสะท้อนให้เห็นว่า… พระเมตตาของพระเจ้าไม่ได้จำกัดวงอยู่ที่ผู้เชื่อ ไม่ได้จำกัดวงอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่มีไปถึง ใครก็ตามที่เสาะแสวงหาพระเจ้าต่างหาก

 

2.    หลายครั้ง หลายสิ่ง พระเจ้าสำแดงและเปิดเผยให้เรารู้ ไม่ว่าจะผ่านทางใดก็ตาม (นิมิต , ความฝัน , คำตรัส , ประสบการณ์บางอย่าง , … ) แต่ตัวเราเองไม่ได้เข้าใจทั้งหมด นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักของผู้ที่ปรารถนาจะเดินตามการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และผู้ที่ปรารถนาจะให้พระองค์ทำงานผ่าน  เพราะแม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่หากว่ามั่นใจในเสียงที่ทรงตรัส ในสิ่งที่ทรงสำแดง และรู้แก่ใจว่าสิ่งนี้มาจากพระเจ้าเป็นแน่ … การเดินตาม การก้าวออกไป จะค่อยๆ เปิดเผยถึงความสมบูรณ์ของความเข้าใจแก่เราเอง …

ดั่งที่เปโตรก็ไม่เข้าใจถึงนิมิตนั้น ไม่รู้ว่าจะไปหาโครเนลิอัสทำไม ไปเพื่อทำอะไร แต่เขารู้ว่าพระเจ้าให้เขาไป เขาจึงไป และทุกสิ่งถูกเปิดเผยว่าพระเจ้าใช้เขาไปหาโครเนลิอัส เพราะพระเจ้าสำแดงแก่โครเนลิอัสเป็นการส่วนตัว เพื่อให้เปโตรมาประกาศ นำรับเชื่อ คนกลุ่มนี้ อันเป็นคนต่างชาติกลุ่มแรกๆ ที่เชื่อพระเจ้า …

จากการเชื่อฟังและทำตามการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำให้เปโตรได้รับการสอนสิ่งใหม่ๆ เป็นผลให้สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาตร์มาก่อน สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยผ่านมือเปโตร เพราะเขาไม่ถูกจำกัดการเชื่อฟังพระเจ้าไว้เพียงแค่ต้องเข้าใจทุกอย่างก่อน ต้องรอให้พระเจ้าทำทุกสิ่งให้สมบูรณ์ก่อน แล้วจึงก้าว แท้จริงในพระคัมภีร์ทุกคนต่างก้าวไปกับพระเจ้าแบบก้าวต่อก้าวทั้งนั้น ไม่มีใครรอให้พระเจ้าทำทุกสิ่งจนเสร็จสิ้นก่อนแล้วจึงตัดสินใจก้าว เพราะนั่นก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อมันสมบูรณ์แล้ว (ความเชื่อเกิดขึ้นในกระบวนการนี้ คือ ยังไม่เห็น แต่เชื่อว่ามีอยู่จริง แล้วจึงได้รับ) … >>

>> ผู้ที่นั่งรอคอยให้พระเจ้าทำทุกสิ่งจนสมบูรณ์ก่อนแล้วจึงก้าว = ไม่ได้ก้าวเลยสักก้าวเดียว ไม่มีความเชื่อและเชื่อฟังเลยแม้สักน้อย (ในขณะที่พระองค์ทรงสำแดงอย่างชัดเจนแล้ว แสดงว่าที่ไม่ก้าว ไม่ใช่ไม่มั่นใจ แต่ไม่ตัดสินใจต่างหาก หากสามารถพูดได้ว่าพระเจ้าเปิดเผยและสำแดงแก่ตน ก็ไม่สามารถพูดได้ว่า ก้าวไม่ได้…เพราะการเปิดเผยและสำแดงนั่นแหละ คือ การที่พระเจ้าบอกให้เราก้าวแล้ว) เพราะจะไม่มีวันและเวลานั้น เนื่องจากอาจจะถูกเลื่อนยกไปที่คนอื่นแทน และเมื่อมันเกิดขึ้นจริงและสำเร็จจริง คนที่ได้ก้าวตามพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะได้รับอย่างที่เปโตรได้รับ

 

3.    ด้วยเหตุที่โครเนลิอัสดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้า เมื่อพระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเยียนเขา ทำให้ส่งผลต่อคนรอบข้างด้วย ไม่เพียงโครเนลิอัสเท่านั้นที่มีประสบการณ์และได้รับ แต่ครอบครัวและคนสนิทก็ได้รับด้วยเช่นเดียวกัน (ข้อ 24 , 27) แสดงให้เห็นว่า โครเนลิอัสมีชีวิตที่มีอิทธิพลต่อคนรอบข้างในด้านนี้จริงๆ และเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้อื่น

 

4.    การทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นสดใหม่ตามยุคและวาระเวลาของพระเจ้าเสมอ ดังนั้น หลายสิ่งอาจเป็นเรื่องใหม่ ไม่เคยมีปรากฏขึ้นในอดีตมาก่อน แต่หากพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำ สิ่งที่เราทำได้ คือ… การตอบสนองพระองค์อย่างไม่มีเงื่อนไข อย่างวางเงื่อนไข เหตุผลต่างๆ ลง แล้วก้าวไป เพื่อจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าด้วยตา และรับพระพรด้วยมือของเราเอง ควรระมัดระวังการปฏิเสธการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้เปโตรไม่เข้าใจ แม้เปโตรจะมีคำถามกับพระเจ้า แต่เขามีความเชื่อฟังสูงกว่าข้อสงสัยของตนเอง มนุษย์ผู้จำกัด แต่พระเจ้าไม่ทรงจำกัดเลย

 

1181158011

 

261014